;
อันตรายจากแมลงก้นกระดก พิษร้ายในฤดูฝน
แมลงก้นกระดก (Rove beetles) หรือ ด้วงก้นกระดก จะพบมากในช่วงฤดูฝน บริเวณที่ชื้น เช่น พื้นดิน ตามกองเศษพืชผัก เศษขยะ ตามสถานที่ที่มีต้นไม้ หรือเข้ามาตอมแสงสว่างบริเวณหลอดไฟในบ้าน ลักษณะของแมลงก้นกระดกยาวประมาณ 7 – 10 มม. มีลำตัวเป็นปล้อง ๆ สีดำสลับส้ม ส่วนปลายหางจะแหลม หากสัมผัสกับแมลงก้นกระดก ห้ามปัด หรือบดขยี้ ควรใช้วิธีเป่าหรือสะบัดออก แมลงก้นกระดกนี้จะมีสารพิษที่เรียกว่า Pederin ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง โดยอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง
อาการที่พบทั่วไป ได้แก่
- อาการบวม ผื่นแดง ตุ่มน้ำพุพองขนาดเล็ก รอยแผลมักจะเป็นเส้นเป็นริ้ว คล้ายงูสวัด
- อาการคันและปวดแสบปวดร้อน
ความรุนแรงของอาการจะมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสาร Pederin ที่สัมผัสโดน หากถ้าเกิดรอยแดงเพียงเล็กน้อยสามารถหายเองได้ภายใน 2 – 3 วัน หากมีอาการผื่น ตุ่มน้ำพองมาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาให้ถูกวิธี
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- ล้างทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัสโดนด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือล้างด้วยน้ำเกลือสำหรับล้างแผล - ประคบเย็นเพื่อลดอาการคัน อาการปวดแสบปวดร้อน
- หลีกเหลี่ยงการเกา เนื่องจากจะเกิดการระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
วิธีการรักษา
หากอาการเล็กน้อย เช่น ผื่นแดง แสบ ไม่มีตุ่มหนอง ทายาลดอาการอักเสบที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อ่อน ๆ ถ้ามีอาการมาก แผลลึก ตุ่มหนองมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการให้ยา
** เนื่องจากอาการนี้ผู้ป่วยมักจะเกิดความสับสนระหว่างโรคงูสวัดหรือติดเชื้อไวรัสเริม เพื่อความปลอดภัยและการรักษาที่ถูกวิธี ผู้ป่วยควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง**
วิธีการป้องกัน
- หลีกเลี่ยงและตรวจเช็คบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการพบแมลงก้นกระดกก่อนเสมอ
- ควรใช้ชุดป้องกัน เช่น สวมเสื้อแขนยาว ถุงมือ เมื่อต้องทำความสะอาดบริเวณพื้นที่เสี่ยง
- รักษาความสะอาดบริเวณบ้าน ทิ้งสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วไม่ควรเก็บสะสม
- ปรับแสงสว่างให้เหมาะสมกับบริเวณพื้นที่ภายในบ้าน เพราะแสงสว่างที่จ้าจะดึงดูดแมลงให้เข้ามา
- ตรวจเช็คประตู หน้าต่าง มุ้งลวดให้ปิดสนิทเพื่อป้องกันแมลงบินเข้าไปภายในบ้าน